Day One
เริ่มต้น ด้วยการกล่าวทักทาย และสวัสดีทุกท่านกันก่อนเลยนะคะ และยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกเล็กๆของเรานะคะ เราค่อนข้างตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะนี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆทีเราเพิ่งเคยได้ลองทำอะไรแบบนี้เลยล่ะค่ะ
คำเตือน
บล็อคนี้เป็นเนื้อหาที่ผ่านจากมุมมองของเรานะคะ อาจจะไม่ได้ตรงเสียทั้งหมดเพราะคนเราต่างมีมุมมองต่างกันออกไป เพราะไม่งั้นคนเรามันก็ไม่ใช่คนแต่เป็นเครื่องจักรไปแล้วล่ะค่ะ และบล็อคนี้เน้นบันทึกสิ่งที่เราได้ศึกษาตนเองนะคะ แต่ถ้าอ่านแล้วรู้สึกชอบ เราก็ดีใจนะคะ
เอาล่ะเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน งั้นขอแนะนำตัวคร่าวๆเลยนะคะ ตอนแรกเราเป็นเด็กค่อนข้าง ไม่สิ เก็บตัวมากๆเลยต่างหาก เราไม่ชอบเข้าหาใครก่อนคนส่วนมากจึงมองว่าเราหยิ่ง ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ได้หยิ่งอะไรเลย เราแค่รู้สึกไม่ถนัดที่จะเข้าหาใครก่อน และคนอื่นก็เข้าหาเราได้ยากเช่นกัน ตอนเรียนก็ไม่อะไรเท่าไหร่ แต่จุดเปลี่ยนจริงๆคือตอนทำงานนี่แหละ เปลี่ยนจริงๆขนาดแตกหักเลย เพราะรู้สึกเข้ากับคนในทีมไม่ได้เลย ทำอะไรแลดูไม่ถูกใจเขา และเราเองก็ไม่ชอบไปเสียหมด จนถึงขั้นเครียดหนักมาก เครียดจนเป็นโรคซึมเศร้าขั้นต้นๆแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งช่วงนั้นก็โทษตัวเองหนักมาก แต่ไม่รู้จะทำยังไง และรับรู้เลยว่าการถูกทอดทิ้งมันแย่แค่ไหน เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจก็แล้วแต่ เราจะไม่ขอพูดไปถึงรายละเอียดแล้วกันนะคะ เพราะพูดไปก็ไม่ก่อให้เกิดผลดีแก่ฝ่ายใดเลย
จนวันหนึ่งที่ทำงานได้จัดการเข้าอบรมพัฒนาพนักงานซึ่งการอบรมนั้นคือการใช้ศาสตร์ Enneagram หรือที่ไทยเรียกว่าศาสตร์นพลักษณ์นั้นเอง ซึ่งพอได้เข้าไปอบรมก็ได้รู้ว่าตัวเองทำไมเป็นแบบนี้ และเข้าใจคนอื่นมากขึ้นเป็นผลเสริมด้วย จึงมีความรู้สึกอยากศึกษาศาสตร์นี้เป็นอย่างมาก รวมไปถึงตั้งแต่ยังเด็กเรามักสนใจและอยากเข้าใจว่าตัวเรา และคนอื่นๆมีที่มาที่ไปอย่างไร เราเหมาะกับอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอยิ่งศึกษาก็ยิ่งสนุก แต่การที่เราศึกษาและพัฒนาก็ใช่ว่าทุกคนจะทำเช่นเดียวกัน จนในที่สุดเราก็ทนไม่ไหวและขอลาจากงานที่ทำอยู่ในที่สุดเพราะคิอว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแน่นอน เพราะพวกเพื่อนร่วมงานก็คงไม่แฮปปี้และเราเองก็ไม่เช่นกัน เพราะงั้นเลือกแบบนี้คือวิน-วินทั้งคู่ บางคนอาจจะมองว่าออกทำไมล่ะทำไมย้ายแผนก แต่ในมุมมองเรา เราอยากออกจากสภาพกล่องแคบๆนี้โดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีกแล้ว และมันไม่ใช่งานที่เราอยากจะทำเท่าไหร่นัก เพราะงั้นทางออกนี้เราจึ้งรู้สึกว่าเป็นทางที่ดีสำหรับเรา เพื่อได้เริ่มทำอะไรใหม่ๆ และค้นหาตัวตนของตัวเองได้อย่างแท้จริงมากกว่าที่จะหลอกตัวเอง โดยแค่เปลี่ยนจากอีกกล่องเป็นอีกกล่องที่มีขนาดเท่ากัน แต่แค่สีไม่เหมือนกัน
ชีวิตเรายังมีอะไรให้ทำมากกว่าอยู่ในกล่องแคบๆแบบนี้
เอาล่ะขอจบของวันนี้เท่านี้ก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาต่อนะคะ
Thank you from The Hermit 5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น